วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

น้ำค้าง

น้ำค้าง  (Dew) 
เกิดจาก ไอน้ำหรือความชื้นในอากาศที่จับตัวกันกลายเป็นหยดน้ำแล้วตกลงมาสู่พื้น น้ำค้างจะเกิดในเวลากลางคืน เเพราะเป็นช่วงที่มีอุณหภูมิของอากาศในขณะนั้นต่ำ เมื่อถึงเวลากลางวันน้ำค้างที่หยดอยู่บนยอดหญ้า เมื่อได้รับแสงอาทิตย์จากก็จะระเหยไปหมด


น้ำค้างเป็นธรรมชาติที่ มหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่ง   เพราะว่ามันเกิดขึ้นได้ไม่ว่าเป็นฤดูร้อน   หนาว  ฝน  หรือฤดูใบไม้ผลิ   ในตอนเช้าตรู่เมื่อเราตื่นขึ้นมาก็จะเห็นหยดน้ำน้ำค้างเกาะอยู่ตามใบหญ้า  ใบไม้   และตามโลหะต่าง ๆ  เต็มไปหมด   เมื่อต้องแสงแดดในตอนเช้าจะทอแสงแวววาวสวยงามน่าดู   ยิ่งที่มันเกาะอยู่ตามรังของใยแมงมุมที่ขึงอยู่ตามต้นไม้จะเหมือนกับเพชร เม็ดเล็ก ๆ  ร้อยเป็นพวง   เป็นตาข่ายเกิดความงามอย่างน่ามหัศจรรย์   น้ำค้างใช่จะเกิดขึ้นเฉพาะเวลากลางคืนหรือเวลาย่ำรุ่งเท่านั้น   เพราะแม้แต่ในตอนเย็นก่อนที่พระอาทิตย์ตกดิน   บางโอกาสก็เกิดน้ำค้างเกาะอยู่ตามใบหญ้า   และใบไม้ด้วยเหมือนกัน

น้ำ ค้างเกิดขึ้นจากละอองไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศ   เพราะโดยปรกติแล้ว   น้ำมีการระเหยกลายเป็นไอแทรกซึมเข้าไปอยู่ในอากาศได้ทุกขณะ   ในเมื่อความชื้นของอากาศยังมีน้อยไม่ถึงจุดอิ่มตัว   แต่พออากาศอมเอาไอน้ำไว้ได้มากจนถึงจุดอิ่มตัวแล้ว   มันจะไม่ยอมรับไอน้ำที่ระเหยอีกต่อไป   นอกจากนั้นแล้วมันก็จะ  คาย ไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศก่อนแล้วนั้นออกไปเสียด้วย   จุดที่ไอน้ำในอากาศจับตัวเกาะเป็นหยดน้ำเล็ก ๆ  นี้เรียกว่า  "จุดน้ำค้าง"(Dew   Point)  และจุดน้ำค้างนี้   เปลี่ยนแปลงไปได้ตามลักษณะของอุณหภูมิของอากาศ   ความกดดัน   และปริมาณไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศ

ในบางครั้งหยดน้ำที่เกาะ ตัวนี้   ยังลอยอยู่ในอากาศเป็นจำนวนมาก   ทำให้เกิดฝ้าหนาทึบ   เราเรียกว่า  "หมอก"   ซึ่งเมื่อถูกความร้อนในตอนเช้า   หมอกนี้จะค่อยละลายตัวออกไปเป็นไอน้ำปะปนแทรกซึมอยู่ในอากาศเช่นเดิม

ความ ชื้นของไอน้ำในอากาศนอกจากจะทำให้เกิดน้ำค้างและหมอกขึ้นแล้ว   ยังมีส่วนสัมพันธ์กับอุณหภูมิของลมฟ้าอากาศอีกด้วย   วันใดถ้าอากาศมีความชื้นมาก   แม้แดดจ้า   และมีอุณหภูมิร้อนจัดเช่นอยู่ในฤดูร้อนเป็นต้น   เราจะตากผ้าแห้งช้า   แต่ตรงกันข้ามถ้าวันใดอากาศมีความชื้นน้อย   แม้ฝนจะตกหรือเป็นเวลากลางคืนก็จะตากผ้าแห้งได้เร็ว  

 น้ำ ค้างแข็ง (frost) หรือ แม่คะนิ้ง เป็นปรากฎการทางธรรมชาติเมื่อมีอากาศหนาวจัดจะทำให้น้ำค้างที่อยู่บนยอดหญ้า เกิดแข็งตัวเป็นเก็ดน้ำแข็ง(ส่วนมากเกิดบนย่อดดอยในฤดูหนาว)




น้ำ ค้างแข็ง เป็นปรากฏการณ์ทางภูมิศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของ บรรยากาศซึ่งจะไม่ปรากฏขึ้นในทุกภาคของประเทศไทย แต่มักจะพบมากในช่วงฤดูหนาวบนยอดดอยในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาษาถิ่นเหนือเรียกน้ำค้างแข็งว่า  เหมยขาบ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเรียกว่า แม่คะนิ้ง

1.  ลักษณะทั่วไป  :  จะมีลักษณะเป็นเกล็ดน้ำแข็งขาวๆ   จับตัวตามใบไม้   ยอดหญ้าหรือวัตถุต่างๆใกล้ๆ กับพื้นดิน



 
2.   กระบวนการเกิดปรากฏการณ์การเกิดน้ำค้างแข็ง   มี   2  แบบด้วยกัน   คือ

 2.1  การเกิดน้ำค้างแข็งโดยตรง   จะเกิดในช่วงที่อุณหภูมิของอากาศใกล้ผิวโลกลดต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง

 2.2 การเกิดน้ำค้างแข็งโดยอ้อม    เกิดเมื่ออุณหภูมิอากาศลดต่ำลงโดยมีปริมาณความชื้นใกล้พื้นดินสูง

3  .สถานที่ปรากฏการณ์ของการเกิดน้ำค้างแข็งในประเทศไทย 
 มักจะเกิดบนดอยหรือภูเขาสูงในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ  เช่น  เชียงใหม่  เชียงราย  แม่ฮ่องสอน  และเลย          
  
แม่คะ นิ้ง 
เป็นคำจากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาษาพื้นเมืองทางภาคเหนือเรียกว่า เหมยขาบ คือผลึกน้ำแข็งที่เกิดขึ้นเนื่องจาก ไอน้ำในอากาศใกล้ผิวดินลดอุณหภูมิลงถึงอุณหภูมิจุดน้ำค้าง แล้วกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ต่อจากนั้นอุณหภูมิยังคงลดต่อไปอีก จนต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง ทำให้น้ำค้างแข็งตัว กลายเป็นน้ำค้างแข็ง ซึ่งจะทำความเสียหายแก่พืชไร่และผักต่าง ๆ เช่น ข้าวที่กำลังออกรวงก็จะมีเมล็ดลีบ พืชไร่จะชะงักการเจริญเติบโต พืชผักใบจะหงิกงอ ไหม้เกรียม กล้วย มะพร้าวและทุเรียนใบจะแห้งร่วง ถ้าเกิดติดต่อกันหลายวัน ก็จะทำความเสียหายแก่พืชที่ปลูกได้มากขึ้น น้ำค้างแข็ง

ในเมืองไทยสามารถพบเห็นได้ตามบริเวณยอดดอยในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นบริเวณที่มีอากาศหนาวจัด ส่วนมากจะเกิดในช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงเดือนมกราคม

 แต่ดร.บัญชา ธนบุณสมบัติ  ผู้ก่อตั้งจากชมรมคนรักมวลเมฆ ในเฟสบุ๊ค บอกว่า แม่คะนิ้ง (hoar frost) กับ น้ำค้างแข็ง (frozen dew) ไม่เหมือนกันนะครับ 


1 ความคิดเห็น: