วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ปริศนาฟ้าแดง

ปรากฏการณ์ท้องฟ้าสีแดงดั่งสีเลือด  จะมีเหตุภัยพิบัติร้ายแรงเกิดขึ้นจริงหรือ
ปกติคตินี้มีมาแต่โบราณ มักจะเกิดจากการสังเกตุท้องฟ้าของชาวประมง    หรือคนโบราณสมัยก่อน จากรุ่นสู่รุ่นมายาวนาน   สมัยที่แผ่นดินและท้องฟ้ายังมีฝุ่น ละอองน้อยมากหากเทียบกับสมัยปัจจุบันนี้ปี พส. 2559    ท่านจะทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดตามมา  หลังปรากฏการฟ้าแดงไว้ไม่เหมือนกัน    

ซึ่งคำทำนายในสมัยก่อนเป็นสิ่งจำเป็น    เพราะสมัยโน้น หากเกิดเหตุการณ์อะไรร้ายแรงขึ้นมา  ก็มิอาจจะส่งข่าวสารให้ชาวบ้านทราบ  เพื่อเตรียมการเผชิญปัญหาได้ทันการ  ไม่เหมือนสมัยนี้ที่เทคโนโลยี ด้านการสื่อสาร และด้านอื่นๆ เจริญก้าวหน้าไปมาก  ภัยธรรมชาติหลายอย่างสามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า  แม้จะคาดการณ์ไม่ได้  ก็มีหน่วยงานต่างๆที่จะพร้อมเคลื่อนที่เข้าไปช่วยเหลือได้ทันที

ภาพนี้ถ่ายเองที่หมู่บ้าน  เมื่อวันที่ 27 ตค. 2559 เป็นปรากฏการณ์ฟ้าแดงตอนเย็น

ปกติสีของท้องฟ้าที่เป็นสีแดง อาจมองเห็นเป็น แดงสีเลือด  หรือแดงผสมสีอื่น  เรียกแดงแกมเหลือง แกมส้ม แกมเขียว ฯ   ตรงนี้ผู้ที่ดูบ่อยและพยยายามสังเกตุจะแยกแยะได้    ความหมายก็จะต่างกันออกไป  ตามความเข้าใจเรื่องธาตุ หรือส่วนผสมต่างๆที่ทำให้ปรากฏสีสันต่างๆกันขึ้นมาได้นั้น

หลักวิชาการปัจจุบันนี้ อธิบายว่าแดงเพราะแสงอาทิตย์ส่องกระทบ  อนุภาค โมเลกุลฝุ่นละอองในอากาศ ฯลฯ ทำให้เกิดการกระเจิงของแสง ไปตามสิ่งที่กระทบนั้นๆ  อย่างท้องฟ้าตอนเเย็นมักมีสีแดง เพราะมีฝุ่นผงละอองเยอะ     จนแสงสีอื่นที่มีคลื่นสั้นกว่าจะกระเจิงไปมองไม่เห็น  เห็นแต่แสงสีแดงที่เป็นแสงคลื่นยาว ที่สามารถส่องผ่านไปได้


สาเหตุจากฟ้าแดง  ทางวิทยาการปัจจุบันท่านบอกว่าเกิดจากแสงอาทิตย์เดินทางผ่านบรรยากาศ  เมื่อตกกระทบโมเลกุลหรืออนุภาค ต่างๆที่อยู่ในบรรยากาศโลก   แสงจะกระเจิงตามอนุภาคเหล่านั้น   ช่วงกลางวันแสงสีฟ้ามีคลื่นสั้นเดินทางผ่านบรรยากาศมาโลกได้สบาย ตามมุมกระทบ   เราจึงมองเห็นท้องฟ้าเป็นสีฟ้า  ตอนเช้าและเย็นแสงต้องส่องแนวระนาบแทบจะขนานกับผิวโลก   จึงต้องส่องผ่านที่มีฝุ่นละอองและอนุภาคต่างๆ อยู่มาก    แสงคลื่นยาวกว่าจะเดินทางผ่านไปได้ สีแดงจึงปรากฏชัดกว่า      ท้องฟ้าตอนเย็นจะเห็นแสงสีแดงจะชัดกว่าตอนเช้าเพราะ   ฝุ่นละอองในบรรยากาศมีมากกว่า   เพราะได้รับความร้อนตอนกลางวัน   จึงลอยขึ้นได้มากกว่า

คลิปวิดีโอบรรยาย ปริศนาฟ้าแดง



สาเหตุที่ฟ้าแดงแบบคติโบราณ   ผู้เฒ่าบอกว่าเกิดจากดาวพระอังคารมีกำลังแรง   ดาวอังคารชื่อภูมิดนัย แปลว่าบุตรแห่งโลก หรือผู้ผุดมาจากดิน  พระอังคารเป็นธาตุลมตัวผู้    ระดับโลกคือแรงดันขาออกจากโลก  ดันขึ้นไปบนบรรยากาศ   ยิ่งมีกำลังแรงมาก  ฟ้าก็ยิ่งเห็นเป็นสีแดง   แต่ถ้ากำลังแรงมากแล้วดันไปไม่ขึ้น เพราะแรงดันภายนอกดันเข้ามาเหมือนกัน  ก็จะแดงก่ำ และมองเห็นสีได้ชัดที่ขอบฟ้า    นั่นคือสันญานอันตราย อาจมีการระเบิดขึ้นได้  ทั้งบนดินและใต้ดิน


โลกปัจจุบัน  พศ. 2559 ฝุ่นละอองและอนุภาคต่างๆ  มีเยอะมาก   โดยเฉพาะตอนเย็นจะมีฝุ่นมาก    ยิ่งตามเมืองใหญ่ๆ แบบ เมืองหลวงเมืองท่าฯ   โดยเฉพาะฤดูหนาว ท้องฟ้าต่ำลง  อากาศร้อนลอยขึ้นสูงไม่ได้   แต่ฤดูหนาว  ช่วงที่หนาวจริง ฟ้าจะไม่แดง สาเหตุผมคิดเอาเองว่าฝุ่นอาจอยู่ต่ำ หรือไม่ก็อากาศไม่ร้อน  อุณภูมิสีไม่มีสีแดง


ฟ้าแดงยามเย็นจากทางวิทยาศาสตร์ มักบอกว่ารุ่งเช้าอีกวัน ฟ้าจะใส ซึ่งก็ตรงกับเรื่องที่ผู้เฒ่าเคยเล่า   แต่จากประสบการณ์ที่เจอ เห็นฟ้าแดง ทางทิศตะวันตก  โดยเฉพาะในฤดูร้อน  วันต่อมา  ด้านตะวันตกมีฝนหนักก็หลายครั้ง  ที่จำได้เป็นทางการก็สมัยที่อยู่หลักสี่  ตอนเย็นฟ้าทิศตะวันตกแดงแจ๋  อีกวันฝนตกหนักที่เซ็ลทรัลแจ้ง  มีลูกเห็บเล็กๆด้วย   อีกอย่างวันฟ้าใสปีนึงจะมีมาก แต่ก่อนฟ้าใสแล้วฟ้าเป็นสีแดงนั้น ปีนึงมีไม่กี่วัน


สรุปฟ้าแดงในตอนเช้า  ในข้อที่มักจะมีพายุตามมา
ฟ้าสีแดงในตอนเช้าที่ขอบฟ้าทางทิศตะวันออก    ให้คิดเป็นแบบเป็นเหตุเป็นผล   คือฝุ่นในตอนเช้าจะมีน้อย    เหตุที่มีสีแดงเพราะมีสสารที่เกี่ยวกับความชื้นที่เข้ามามาก    อาจมาจากความร้อนใต้ดิน  จากกระแสน้ำอุ่นน้ำเย็นใมหาสมุทร  ระเหยขึ้นมา

หากมีแรงดันมาก  มีความชื้นมากและลมนั้นดันขึ้นไปถึงระดับลมชั้นกลางของชั้น โทรโพสเฟียร์ (Troposphere) หรือที่เรียกว่าชั้น 500 hPa  ที่ความสูงราว 5.5 กม. ซึ่งจะมีอุณภูมิราว -4 องศา ก็จะเกิดกระบวนการทีจะทำให้อากาศปั่นป่วน    และเกิดพายุฝนฟ้าคะนองขึ้นได้ครับ

1 ความคิดเห็น: