วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

พายุไต้ฝุ่นเกย์

เล่าประสบการณ์จริง  ครั้งแรกที่ผมเจอไต้ฝุ่นจริงๆ กลางอ่าวไทย  บนฐานผลิตก๊าซธรรมชาติเอราวัณ

 (1)....ข้อมูลเบื้องต้น..... ไต้ฝุ่นเกย์ เป็นพายุหมุนเขตร้อนทรงพลังซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักในจังหวัดชุมพรและประเทศอินเดียฝั่งตะวันออกในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2532 เป็นพายุไต้ฝุ่นครั้งเลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นในคาบสมุทรมลายูในรอบ 35 ปี  พายุก่อตัวขึ้นเมื่อวันที่ 1 พย. ในอ่าวไทยตอนล่าง ข้ามภาคใต้ของประเทศไทย เข้าไปในมหาสมุทรอินเดียเหนือ และทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุหมุนระดับ 5 ก่อนขึ้นฝั่งในประเทศอินเดีย  และสลายตัวเหนือเทือกเขากัตส์ตะวันตกในอินเดีย เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พศ. 2532

พายุแองเจลล่า กลางอ่าวไทย  เรือเจาะฯ ซีเครสในอ่าวไทย  ประสบฯ พายุเกย์ที่ชุมพร





การเกิดขึ้นของพายุนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก  แต่พายุเกย์แปลก..... เพราะเป็นพายุหมุนเขตร้อนเพียงลูกเดียวที่พัดถล่มประเทศไทยขณะมีความเร็วลมในช่วงพายุไต้ฝุ่น (120 ไมล์ต่อชั่วโมงเมื่อขึ้นฝั่ง)   ไม่เฉพาะเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการก่อตัวขึ้นในอ่าว ขนาดที่เล็ก ความหนาแน่นที่สูง และข้อเท็จจริงที่ว่าพายุนี้มีพลังอยู่ในแอ่งพายุหมุนเขตร้อนสองแอ่ง ซึ่งไม่ปกตินักสำหรับพายุหมุนเขตร้อน


วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2532 เวลา 08.30 น. พายุไต้ฝุ่นเกย์เคลื่อนเข้าสู่ภาคใต้ตอนบนด้วยความเร็วถึง 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วของพายุไต้ฝุ่นในระดับ 3 ถล่ม อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ บางสะพานน้อย และบางสะพาน ก่อนขึ้นฝั่งที่อำเภอท่าแซะ และปะทิว จังหวัดชุมพร ทำให้เกิดคลื่นพายุซัดฝั่ง ที่อำเภอบางสะพานน้อย บางสะพาน ท่าแซะและปะทิวราบเป็นหน้ากลอง พายุเกย์ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตในประเทศไทยไปถึง 446 คน บาดเจ็บ 154 คน บ้านเรือนเสียหาย 38,002 หลัง ประชาชนเดือดร้อน 153,472 คน เรือล่ม 391 ลำ ถนนเสียหาย 579 เส้นสะพาน 131 แห่ง ทำนบและฝาย 49 แห่ง โรงเรียนพัง 160 โรง วัด 93 วัด มัสยิด 6 แห่ง

พื้นที่การเกษตร 80,900,105 ไร่ สัตว์เลี้ยงตาย 83,490 ตัว ประเมินความเสียหาย 11,257,265,265 บาท(2532) เช่นเดียวกับความเสียหายอย่างหนักที่เกิดขึ้นกับปะการังนอกชายฝั่งประเทศไทย พายุไต้ฝุ่นเกย์ถือเป็นพายุหมุนเขตร้อนที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยมากที่สุดในรอบ 27 ปี นับตั้งแต่พายุโซนร้อนแฮเรียตถล่มแหลมตะลุมพุก ในปีพ.ศ. 2505


(2) พายุเกย์ จากประสบการณ์ตรงๆ เป๊ะๆ....ของกระผมเองนายปรีดี ยืนยง ครับ.    
    
ครั้งนั้นผมทำงานที่ฐานผลิตก๊าซธรรมชาติเอราวัณ ในอ่าวไทย   วันนั้นขึ้นจากทะเลแล้วก็แวะมาที่บ้านแม่อ.ระโนด   เจอพี่ชายไม่รู้ๆสึกยังไง   ขอให้ช่วยหาหลวงปู่ทวดให้สักองค์หนึ่ง  ทั้งที่โดยปกติผมเลิกแขวนพระเครื่องไปนานแล้วเพราะเคยทำหายตอนไปสุ่มหาปลาแล้วถอดแขวน    ไว้ที่ต้นลูกหัวครก  พี่ชายก็หาให้หลวงปู่ทวดที่เก็บไว้ในกรุเป็นรุ่นว่านมาองค์หนึ่ง    ส่งให้   ผมกลับกรุงเทพฯเข้าสำนักงาน      การสื่อสารแห่งประเทศไทย กองโทรคมนาคมระหว่างประเทศชื่อเดิมในสมัยนั้น  

กลับมาได้ 2 อาทิตย์ เพื่อนคนที่เป็นเด็กอ่างทองอีกแล้ว ให้ช่วยลงไปแทนเวรที่ฐานผลิตก๊าสเอราวัณ    ให้หน่อย  ไม่รู้ว่าแกดูข่าวแล้วรู้ว่ามีพายุหรือเปล่าเลยไม่ยอมไปเอง    ( ปกติ 4 อาทิตย์พวกผมจึงจะเปลี่ยนเวรลงครั้งหนึ่ง)   ผมก็ซื้อไปซื้อตั๋วแล้วก็ออกไปเลยไม่สนไม่กลัวหรอกครับพายุ    ที่กลัวคือแผ่นดินไหวและเครืองบินตก   กับหลุมแก๊สระเบิด โดยปกติผมจะแวะนอนกับแม่ที่ระโนดก่อนทุกครั้งแต่ครั้งนี้รีบด่วนเลยลงทะเลเลย  ไม่มีเวลา  


วันแรกที่ไปถึงคือวันที่ 1พย.พศ2532เวลาราวๆบ่ายโมง พอลงจากเฮลค็อปเตอร์. ลมก็แรงแล้ว  เพื่อนชื่อต้นหรือสมบัติก็กลับขึ้นฝั่ง ตอนนั้นดู wind sock(คือถุงลมที่ใช้ดูทิศทางลมเพื่อให้นักบินนำเครื่องลงให้สวนกับทิศทางลมเพื่อความปลอดภัย ส่วนใหญ่ใช้สีส้มหรือสีแดง) สังเกตุเห็นลมยังพัดจากทิศตะวันออกเฉียงใต้อยู่ 

BX.in.th Bitcoin Exchange Thailand

ก็อยู่มาเรื่อยๆลมก็แรงขึ้นทีละหน่อยโดยไม่ค่อยมีเมฆฝนเท่าไหร่ โดยwind sock จะค่อยๆหมุนทวนเข็มนาฬิกาทีละนิดๆ  ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไรเท่าไหร่ แต่ก็พอรู้ว่า   พายุที่เกิดเหนือเส้นศูนย์สูตรจะหมุนทวนเข็มนาฬิกาเสมอ พอค่ำๆลมก็ยังแรงอยู่ดูข่าวพยากรณือากาศก็ช้า    เห็นว่ากว่าดาวเทียมอุตุจะกวาดมาดูที่ประเทศไทยตอนนั้น 4ชั่วโมงครั้งนึง หรือ 6 ชั่วโมงจำไม่ได้   เราก็นอนไม่สนใจ   แต่เจ้าหน้าที่บริษัทระดับหัวหน้านี่ประชุมกันตลอด 

รุ่งเช้าวันที่ 2 พย.ก็มีฝนนตกเยอะลมก็แรงกว่าเดิม 


ลมมาจากทิศตะวันออกแล้วเป็นพายุแล้วแต่ไม่รู้ว่าระดับไหน  ลมก็ค่ออยแรงขึ้นเรื่อยๆตอนบ่ายที่วัดลมบนดาษฟ้าของตึกวัดความเร็วได้เป็น 100 กม / ชม.แล้ว  แต่ดูข่าว ทีวีไทย  เห็นว่ายังเป็น ดีเปรสชั่นอยู่อีก มอนิเตอร์พวกที่คุยโทรศัพท์กับทางสนามบินสงขลา   ทางโน้นยังแดดเปรี้ยงอยู่เลยเจ้าหน้าที่ๆ สนามบิน (คุณสมพงษ์ฯ )   ยังจะให้คนเดินทางมาทำงานอยู่อีก  ที่ทำงานผมก็มีการสั่งการจาก หัวหน้ากองฯ   มาจากข้างบนให้ปรับจานหายขึ้นและให้สถานีฯดาวเทียมในประเทศทุกสถานีฯมอนิเตอร์สถานีฯเอราวัณที่เดียว   




เจ้าหน้าที่ห้องวิทยุของบริษัท union oil (คุณประทีป) ก็ขอร้องไม่ให้ปรับจาน       เพราะการติดต่อสื่อสารกับทางบนฝั่งสมัยนั้น   มีทางเดียวที่คุยได้ชัด     คือทางดาวเทียม  อีกทางคือทางวิทยุคลื่นสั้นก็ได้มั่งหายมั่ง   ผมเลยตัดสินใจคงไว้อย่างนั้นเพราะเห็นใจคนที่อยู่ที่นั่นแล้ว   ขณะนั้นทิศทางลมก็หมุนไปพัดเข้ามามาจากทางทิศเหนือแล้ว  พอตกมาดึกๆ ก็เปิดประตูออกไม่ได้แล้วว่าจะออกไปปล่อยของหนักหน่อย จนต้องอยู่แต่ในห้องทำงานตลอดทั้งคืน


วันที่ 3 พย.ตอนเช้าหิวมากเพราะไม่มีอะไรกินเลย    ก็แจ้งห้องวิทยุว่าอยู่คนเดียวเวรอีกเวรนอนอยู่ข้างบน   พี่ประทีปหัวหน้าวิทยุสมัยนั้นให้รออยู่นั่นจะส่งคนเอาเสบียงลงมาให้ 6 โมงเช้าชายฉกรรจ์  4-5 คนนำเสบียงมาให้แต่เปิดประตูยังไงก็เปิดไม่ออก จึงกลับไปผมก็อดทั้งข้าวและน้ำ   นึกได้ว่าแขวนหลวงปู่ทวดอยู่ จึงได้อาราธนาให้ช่วยลูกให้ปลอดภัยเพราะว่าเริ่มกลัวแล้วกลัวจะตายทั้งที่อดๆ   ก็ค่อยมีกำลังใจขึ้นหน่อย     พอตกสายๆหน่อยทางห้องวิทยุแจ้งว่าขณะนี้ บารอมิเตอร์วัดความเร็วลมได้ 85 น็อท (150กม.) ดูจากช่องหน้าต่างกระจกเห็นลมพัดจากทิศตะวันตกแล้ว จานสายอากาศของบริษัทที่ใช้รับทีวี มาเลยเซียเห็นเหลือแต่จานเที่ยวแกว่งอยู่เหล็กโคลงหักหมดแล้ว 


เสียงลมพายุดังน่ากลัวมาก มันจะกระแทกแบบถี่ๆ แล้วก็คลายเป็นโยนเบาๆ ฐานผลิตก็โยกเยกๆ แล้วลมก็อัดใหม่เหมือนเอามือตีฝาบ้านถี่ๆแล้วก็ผ่อน เป็นอยู่อย่างนี้นานซ้ำไปซ้ำมาอยู่นั่นแหละ  ส่วนจานของกสท.เองสัญญานดาวเทียมก็ใช้งานใช้ไม่ได้ไม่รู้จานเอียงไปไหนแล้ว (ใช้ของIntelsatอยู่)  น้ำก็รั่วเยอะเข้ามาได้ยังไงก็ไม่รู้ ทั้งทีประตูซีลอย่างดี จากหลังคาก็เข้า ผมแก้ปัญหาโดยปรับ atten ที่ scpc ที่ upcon ที่ HPA คือปล่อยผ่านหมดจนสามารถรับส่งได้เป็นปกติ เจ้าหน้าที่ห้องวิทยุและพนักงานที่นั่นดีใจมาก  ที่สามารถติดต่อกับทางบนฝั่งได้อีกครั้ง ทุกคนชมผมว่าเยี่ยมยอด ดีใจครับที่ตัวเองมีความสำคัญ แต่โดยปติก็เป็นคนบ้ายอยู่แล้ว
 
(เป็นสมัยนี้การลด Atten ลงแบบนี้เป็นข้อห้ามโดยเด็ดขาด    เพราะจะไปกวนช่องชาวบ้าน ช่องสัญญานเยอะ ไม่เหมือนสมัยยนั้นยังว่างเป็นส่วนใหญ่ การใช้งานผ่านดาวเทียมยังมีน้อย ) จากนั้นผมก็เอาผ้าห่ม เสื้อชูชีพและทุกสิ่งทุกอย่างเท่าที่จะหาได้ในห้องทำงานคลุมแรคอุปกรณืบนหลังคาไว้ แล้วเอาสว่านดอกที่ยาวที่สุด        เจาะพื้นเพื่อระบายน้ำออก เจาะไปเกือบ20 รู ลองเอาน้าทีรั่วจากหลังคามาชิมดูว่าจะดื่มให้ชื่นใจ ทีไหนได้ มันเฝื่อนๆเค็มก็ไม่ใช่จืดก็ไม่ใช่ กร่อยก็ไม่ ใช่ มันออกเฝื่อนๆเหนียวๆยังไงไม่รู้   ก็เลยอดน้ำอีกอย่าง  ของเก่าในท้องก็จำเป็นต้องปล่อยใส่ถังขยะไม่รู้จะทำยังไงค่อยยังชั่วหน่อย


ขณะนั้นเวลาประมาณ 09.30น  แอบมอนืเตอร์สัญญานที่ส่งผ่านดาวเทียมฯ   อยากรู้ว่าใครคุยอะไรกันบ้าง (เทคโนโลยีตอนนั้นผมมอนิเตอร์ได้คนเดียวที่หน้าอุปกรณ์ scpc)  เห็นพวกโทรฯ กลับบ้านกันเยอะแต่ โอเปอเรเตอร์ที่กรุงเทพฯให้ฝากข้อความไว้จะไม่ต่อออกไปให้ถึงบ้าน  (สมัยนั้นเจ้าหน้าที่ในทะเลโทรกลับบ้านได้แต่ต้องผ่านโอเปอเรเตอร์)    เพราะผู้บริหารสั่งไว้เพราะกลัวทางบ้านจะตกใจกลัวหรืออะไร?

ผมก็โทรคุยกับทางยอดตึกที่กสท.บางรักได้ มี่พี่คนนึงชื่อพี่ยูร  ประยูร บุญญฤทธิ์  บ้านแกอยู่ท่าแซะชุมพร บอกแกว่าพายุแรงมากเสียงมันหวิวน่ากลัว ถ้าพัดเข้าบ้านพี่ที่ชุมพรรับรองราบพนาสูรแน่ แกยังหัวเราะเลย (คงดูข่าวจากทีวี รู้ว่าการรายงานเหตูการณ์จะช้ากว่าของจริงอย่างน้อย4 ชั่วโมง)


ผมก็นั่ง มอนิเตอร์ไปเรื่อยๆ เพลินดี พอเที่ยงๆ  ลมก็เริ่มอ่อนลง  แต่มันพัดไปแรงทางตะวันตกเฉียงเหนือแทน พอบ่ายๆ ฟังเจ้าหน้าที่เรือเจาะคุยกันว่า สลิงยึดเรือ  เส้นโน้นขาด เส้นนี้ขาด ต่อเส้นนี้ได้ อีกเส้นขาดต่อ (เหล็กลวดสลิงเส้นเท่าๆขาอ่อนผมเคยไปที่เรือนี้)  พวกทีเรือ topsecret ที่โทรไปคุยกับโอเปอรเรเตอร์ พูดเหมือนกันทุกคนว่า  ช่วยบอกทางบ้าน ช่วยบอกเมียผม ช่วยบอกลูกผมด้วยว่า  หากพ่อไม่ได้กลับบ้าน แสดงว่าพ่อไม่มีแล้ว

ผมฟังแล้วนั่งน้ำตาซึมจริงๆสงสารพวกเขามาก  เพราะที่เรือลำนั้นมีคนอยู่เป็นร้อยแล้วพูดลาตายทุกคนทางโทรศัพท์   ถ้าลูกและเมียและพ่อแม่เขาเหล่านั้นได้ฟังที่พวกเขาพูดผมว่าทุกคนต้องร้องไห้แน่นอน     เมื่อพายุค่อยๆผ่านฐานเอราวัณไปก็จะเคลื่อนไปทางทิสตะวันตกเฉียงเหนือจากเรือเจาะท็อปซีเคร็ทก็ไปที่ฐานปลาทอง   หากพัดไปทิศตะวันตกก็ขึ้นฝั่งที่สุราษฏร์ & ชุมพร


ย้อนกกลับมาที่เดิมอีก ตอนบ่าย3โมง  คนที่เข้ามารับเวรเช้าต่อจากผมก็สามารถเปิดประตูห้องทำงานที่ผมอยู่ได้พร้อมขนมรองท้อง คุยกันหน่อยผมก็เดินฝ่าสายลมไปที่ห้องอาหารได้แล้วก็กินให้หายอยาก ภาพที่เห็นคือเละตุ้มเป๊ะไปหมดมีแต่น้ำเข้าไปได้ทุกแห่งหน  ข้าวของเครื่องใช้ตู้อะไรต่างๆที่อยู่นอกอาคารหายหมดโดนท่านเกย์กวาดลงทะเลเกลี้ยง   โชดดีที่ห้องทำงานผมได้ย้ายลงมาก่อนเกือบ 2 ปีถ้าอยู่ที่เดิมไม่รอดแน่  เพราะตั้งอยู่ข้างนอกตามภาพสนิมก็กินแล้ว   


ทีนี้หลังจากกินและอาบน้ำแล้วผมก็มาที่ห้องทำงานต่อ  เพราะผมจะนอนที่ห้องทำงานไม่ไปนอนรวมกับเขา      เพราะนอนรวมกันหลายคนมันนอนไม่หลับ มามอนิเตอร์พวกที่โทรสั่งเสียต่อๆ สัก 4-5โมงเห็นเงียบไป สอบถามทางห้องวิทยุเห็นว่าติดต่อไม่ได้ สงสัยล่มเสียแล้ว  ( รู้ทีหลังว่าพวกที่อยู่ที่เรือตายหมดรอดไป 4 คนเป็นอดีตทหารเรือเห็นว่าคว้าถังน้ำมันหรือแกลลอนกระโดดหนีลงทะเลไปก่อน 

เรื่องเรือท็อปซีเคร็ดกว่าจะไปช่วยได้ก็หลายวัน  เห็นว่าคว่ำอยู่และลอยอยู่ที่เดิมคนตายน่าจะขาดอากาศหายใจมากกว่าเป็นเรื่องที่บริษัทปกปิดข้อมูลด้วยผมก็ไม่อยากกล่าวถึงแม้ว่าจะรับรู้เรื่องราวมากกว่านี้ )

ภาพตัดต่อเองครับ ( ภาพถ่ายไม่มี ) เอาภาพฐานเอราวัณ จริงๆ ซ้อนลงบนภาพพายุ ใช้ โฟโต้ช็อพ CS
 
ที่ต่อไปที่พายุเคลื่อนผ่าน คือฐานผลิตชื่อ ปลาทอง ความเร็วลมที่นั่นไม่รู้เท่าไหร่แต่ทางเจ้าหน้าที่ๆฐานฯแจ้งมาว่า บารอมิเตอร์วัดได้ ภึง200กม./ ชม.แล้ที่วัดลมก็หักล่วงทะเลพายุเกย์แกเอาไปด้วยแล้ว (ตอนหลังเห็นมีภาพ วิดิโอออก ทีวีด้วย ผมรู้ว่าคนถ่ายคือพี่ชาคริตเพราะเป็นคนๆเดียวที่มีกล้อง ปกติแล้วกล้องถ่ายในสมัยนั้นไม่ค่อยมีคนพกเท่าไหร่ แถมใครถ่ายภาพได้จะถูกริบทั้งหมดน่าจะด้วยเหตุผลทางธุรกิจหรือผลประโยชน์อะไรผมไม่รู้เป็นเรื่องของระดับผู้บริหารเขา) 

ลมฟัดฐานสตูลอยู่พักนึงก็ผ่านไป เพราะโดยปกติแล้วฐานผลิตถูกออกแบบไว้ให้รับแรงลมพายุได้ระดับนึงอยู่แล้ว แต่ที่เขากลัวอันตรายคือกลัวว่าจะมีเรือขนาดใหญ่ถูกพายุซัดมาชน ซึ่งกรณีนี้ฐานล่มแน่นอน แล้วความหายนะที่บังเกิดขึ้นกับเรือประมงและหลายเรือสมัยนั้น  เพราะทางผู้รู้ได้คาดการณ์ว่า พายุจะเข้านครศรีฯหรือสุราษฎร์  เลยพากันหนีมาหลบที่ ปากอ่าว ชุมพรและประจวบฯก็เรียบร้อยครับ      แต่ว่าพวกเรือประมงแถวบ้านผม แถวระโนดสทิงพระ สิงหนคร ไม่มีใครเอาออกเรือออกเลย(คุยกันภายหลัง)แพราะคนพวกนี้อยู่ทะเลมานาน ฟังข่าวอุตุฯและหลายอย่างส่วนมากพวกที่ชำนาญทะเลเขาจะรู้ เขามีวิธีๆสังเกตุ

เช้ามืดวันที่ 4 พย. พี่ยูรคนท่าแซะโทรมาหาผมแต่เช้ามืด ถามว่าพายุไปถึงไหนแล้ว(แกคงตกใจเพราะข่าว ทีวี บบดว่าเป็นไต้ฝุ่แล้ว) ผมบอกว่าน่าเข้าชุมพร ถ้าไปทางบ้าน ตน รับรองเนียนปึดๆ (ภาษากลางคือเละตุ้มเป๊ะ) แล้วหลังจากนั้นจรองๆด้วยพวกเรารอดข่าวอย่างเดียว เพราะแจ้งไปก็ไม่มีใครเชื่อว่า พายุในทะเลอ่าวไทยจะแรงได้ถึง 200กม./ชม.สุดท้ายก็ขึ้นฝั่งซัดชุมพรเต็มๆครับ เละ สมัยนั้น พลเอกชาติชาย เป็นนายกอยู่ เจ้าหน้าที่รายงานว่าชุมพรได้ประสพกับความย่อยยับขนาดหนักท่านยังไม่เชื่อ ยังพูดเล่นเอาสนุกจนถูกรุมด่า  พอท่านมาดูด้วยตาตัวเองท่านพูดว่า ยังกะโดนระเบิดปรมาณู ซึ่งเป็นคำพูดที่ผมจำได้จนถึงขณะนี้ แต่ท่านก็เป็นคนที่ผมชอบคนหนึ่ง เสียดายนะภาพพวกนั้นไม่รู้อยู่ที่ไหนหมด

ภาพเรือล่มที่ชุมพร จริงจะมีมากว่านี้เยอะแต่สมัยนั้นหารูปถ่ายยากมาก
ผมผ่านมาทางชุมพร ก็ไม่เคยได้ถ่ายรูปเอาไว้   เคยตัดรูปที่อาศรม ของหลวงพ่อตาหินช้างชุมพร เป็นที่ๆหนึ่งที่รอบๆพังราบแต่อาศรมนั้นลมไม่พัดเข้าไปเลย  อาศรมนั้นเลยได้รับการสร้างเสียใหญ่โตจนถึงปัจจุบันนี้ ดีนะผมได้เหรียญรุ่นแรกมาองค์หนึ่งด้วย พายุบนฝั่งผมจะไม่กล่าวถึงเพราะไม่อยู่ในเหตูการณ์ ตามข่าวก็รู้ว่าหลุดจากไทยก็ลงทะเลอันดามัน ทวีกำลังแรงขึ้นกว่าเดืมจนอินเดียมีคนตายอีกเยอะ  

นี่คือเรื่องเล่าจากสมัยที่ไม่มีระบบสื่อสารข้อมูลที่ดี แต่เดียวนี้สบายครับไม่ต้องฟังหรืออ่านเรื่องเล่า เพราะเทคโลยีด้านสื่อสารอยู่ในมือทุกคนแล้ว เพียงแต่ท่านกด จึก เห็นไหมแผ่นดิไหวจนคลื่นยักษ์ถล่มญี่ปุ่น เราได้ดูภาพเสียงที่ชัดๆแบบ  HD TV สบาย ต่ออีกนิด สมัยนั้นการสื่อสารจากภาคใต้ถูกตัดขาดทั้งหมดเพราะมีแต่เพียง ระบบไมโครเวฟ และสายสัญญานแบบอนาล็อกขององค์การณ์โทรศัพท์เท่านั้น พวกเราต้องเอาอุปกรณ์ไปติดตั้งเพิ่มที่สถานีฯดาวเทียมสุราษฎรร์ธานี แล้วก็อัดเพาเวอร์เต็มที่ส่งข่าวสารกันทั้งวันทั้งคืนนับเป็นเดือนเหมือนกันกว่าระบบต่างๆจะซ่อมเสร็จ

ตัวผมเองเสื้อยืดสีน้ำเงิน คนเล่าเรื่องสมัยยังหนุ่มๆครับ  ได้เวลาเดินทางขึ้นฝั่งกลับบ้านครับ
เมื่อผมขึ้นจากทะเลกลับมาบ้านที่ระโนดแม่ถามผมว่าไปไหนมา บอกว่ามาจากทะเลมาทำงานได้ 2 อาทิตย์แล้วไม่ได้แวะเพราะเพื่อนให้แทนเวรด่วน แม่แกว่า ตาย?ถ้ารู้ว่าลูกอยู่ในทะเลแม่คงเป็นลมตาย นี่นึกว่าอยู่กรุงเทพฯเพราะช่วงที่มีข่าวว่าพายุเกย์เข้าถล่มฐานผลิตก๊าซ มี คนรู้จักมักคุ้นและเพื่อนๆผม มาถามข่าวคราวมิได้ขาดว่าผมอยู่ไหน   ทางบ้านก็บอกว่าอยู่กรุงเทพฯเพราะก่อนลงทะเลต้องแวะมานอนบ้านก่อนทุกครั้ง นี่มันยังไม่แวะมาเลย

นี่ถ้าผมตายก็ไม่รู้นะ เพราะคนข้างบ้้านที่อยู่เรือเจาะ TOP SECRET ตายคนหนึ่ง ส่วนพวกเราหลังจากนั้ก็มีเรื่องเล่าอีกมากมาย บางคนก็ทำงานในเรือๆบางลำข้าวของก็พังหมดพพรรคพวกหลายคนได้รับบาดเจ็บ  บางคนที่รอดตายเพราะดวงชะตาไม่ถึงฆาต ก็มีอยู่จจริง เช่นป่วยหนักก่อนลงงทะเล  เมียคลอดลูก  บางคนก็ญาติเสีย ไม่คิดว่าดวงดีก็ไม่รู้จะว่ายังไง

หลังจากเหตุการณ์ พายุเกย์ผ่านไป ไม่นานเท่าไหร่  บริษัท UNOCAL (ชื่อในขณะนั้น) ได้สั่งซื้อสถานีฯตรวจอากาศ ถ้าจำไม่ผิดมูลค่าประมาณ 600 ล้าน บาทและได้ติดตั้งฯที่ฐานผลิตก๊าซธรรมชาติปลาทอง และมีเจ้าหน้าที่จากกรมอุตุฯไปเข้าเวรอยู่ในขณะนั้นผมก็เคยไปเยี่ยมชมมาแล้ว ปัจจุบันไม่รู้ว่ายังมีเจ้าหน้่ที่จากกรมอุตุฯไปประจำการอยู่หรืออบรม เจ้าหน้าทิี่ บริษัท UNOCAL ปฏิบัติงานแทน   เพราะจากนั้นอีก 4-5ปีเมื่เกิด ไต้ฝุ่น Angal ที่บริเวณ ฐานผลิตฯเห็นมีเจ้าหน้าที่บริษัท Unocal ที่ได้รับการอบรมด้านอุตุนิยมวิทยามาอธิบายและตอบปัญหาแทน                                                                                           โดยลุงกล้วย.... ๑๓ มกราคม พศ.๒๕๕๕

       อ่าน... เล่าเรื่องพายุแองเจลล่า ที่ฐานผลิตฯกลางอ่าวไทย 

       คลิปพายุเกย์จาก กูเกิ้ล


พบกับเราได้ที่เฟสบุ๊ค: เตือนภัยพิบัติ (วิชาการ )

1 ความคิดเห็น:

  1. ค่าย pg ทางเข้า มือถือ ใหม่ล่าสุด ความสนุกสนานร่าเริงรวมทั้งตื่นเต้นที่สุดในทางเกมคาสิโนออนไลน์ PG ปากทางเข้าโทรศัพท์มือถือใหม่ปัจจุบัน! ในปัจจุบันที่เทคโนโลยีก้าวล้ำขึ้นอย่างเร็ว

    ตอบลบ