weather learning http://study.com/academy/lesson/what-is-humidity-definition-measurements-effects.html
ความชื้นของอากาศ คือ ปริมาณไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศบริเวณใดบริเวณหนึ่ง ซึ่งมีสัดส่วนที่แตกต่างกันไปในแต่ละท้องที่ ถ้าในอากาศมีความชื้นต่ำหรือมีอยู่น้อย น้ำจะระเหยได้มาก ถ้าอากาศมีความชื้นสูงหรือมีอยู่มากแล้ว น้ำจะระเหยได้น้อย.ถ้าจะเปรียบว่าในอาศเป็นเหมือนบ้านหลังหนึ่ง หากอยู่กันเต็มแล้ว ก้เข้าไปอยู่เพิ่มได้น้อย หากมีน้อยก็เข้าไปเพิ่มได้อีกมาก
ภาพ กค. 2560 เครื่องวัดความชื้นสัมพัทธ์ ที่บ้านผู้เขียนยังใช้ตัวกลางครับ |
อากาศอิ่มตัว คือ อากาศที่มีไอน้ำอยู่เต็มที่และไม่สามารถรับเพิ่มได้อีกแล้ว ณ อุณหภูมิหนึ่ง ความหมายคือบ้านเต็มแล้วเข้าไม่ได้ หากจะเข้ามาอีกต้องขยาย คือเพิ่มอุณภูมิให้สูงขึ้น
ปัจจัยที่มีผลต่อการระเหย
1. อุณหภูมิ เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้น การระเหยจะเกิดเร็วขึ้น
2. พื้นที่ผิว ถ้าพื้นที่ผิวหน้ามากขึ้นการระเหยจะเกิดได้ดี
3. ความชื้นในอากาศ ถ้าในอากาศมีความชื้นสูง การระเหยจะเกิดได้ยาก
4. ชนิดของสาร ของเหลวที่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลสูงจะมีค่าความร้อนแฝงสูงกลายเป็นไอได้ยาก ความดันไอต่ำ แต่จุดเดือดสูง
เมื่อโลกได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ น้ำจากแหล่งน้ำต่าง ๆ บนโลกจะระเหยกลายเป็นไอน้ำลอยอยู่ในอากาศปะปนกับแก๊สต่าง ๆ ปริมาณไอน้ำที่มีอยู่ในอากาศนี้ เรียกว่า ความชื้นของอากาศ
ปริมาณไอน้ำที่อากาศรับไว้จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของบรรยากาศ ถ้าอุณหภูมิสูงอากาศจะรับไอน้ำได้มาก ถ้าอุณหภูมิต่ำอากาศจะ
รับไอน้ำได้น้อย ถ้าอากาศอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถรับไอน้ำได้อีก แสดงว่าอากาศขณะนั้นอิ่มตัวด้วยไอน้ำ เรียกสภาวะนี้ว่า อากาศอิ่มตัวซึ่งเป็นสภาวะที่อากาศมีความชื้นมากที่สุด
อากาศ 1 ลูกบาศก์เมตร ณ อุณหภูมิต่าง ๆกัน จะรับไอน้ำได้ดังนี้
ที่อุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส อากาศรับไอน้ำได้มากที่สุดประมาณ 9.3 กรัม
ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส อากาศรับไอน้ำได้มากที่สุดประมาณ 17.5 กรัม
ที่อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส อากาศรับไอน้ำได้มากที่สุดประมาณ 30.5 กรัม
การวัดความชื้นของอากาศ มี 2 วิธี คือ
1 ) ความชื้นสัมบูรณ์ ( absolute humidity )
หมายถึง อัตราส่วนระหว่างมวลของไอน้ำอากาศกับปริมาตรของอากาศนั้น ณ อุณหภูมิเดียวกัน มีหน่วยเป็นกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ( g / m3 )
หมายถึง อัตราส่วนระหว่างมวลของไอน้ำอากาศกับปริมาตรของอากาศนั้น ณ อุณหภูมิเดียวกัน มีหน่วยเป็นกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ( g / m3 )
ความชื้นสัมบูรณ์ ( AH ) = มวลของไอน้ำในอากาศ /ปริมาตรของอากาศ ณ อุณหภูมิเดียวกัน
ตัวอย่าง อากาศในที่แห่งหนึ่งมีปริมาตร 8 ลูกบาศก์เมตร ณ อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส มีไอน้ำอยู่ 32 กรัม ความชื้นสัมบูรณ์มีค่าเท่าไร
ความชื้นสัมบูรณ์ = 32 กรัม / 8 ลูกบาศก์เมตร = 4 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร
2 ) ความชื้นสัมพัทธ์ ( relative humidity )
คือ ปริมาณเปรียบเทียบระหว่างมวลของไอน้ำที่มีอยู่จริงในอากาศขณะนั้นกับมวลไอน้ำในอากาศอิ่มตัวที่อุณหภูมิและปริมาตรเดียวกัน ( นิยมบอกค่าความชื้นสัมพัทธ์เป็นร้อยละ )
คือ ปริมาณเปรียบเทียบระหว่างมวลของไอน้ำที่มีอยู่จริงในอากาศขณะนั้นกับมวลไอน้ำในอากาศอิ่มตัวที่อุณหภูมิและปริมาตรเดียวกัน ( นิยมบอกค่าความชื้นสัมพัทธ์เป็นร้อยละ )
ความชื้นสัมพัทธ์ ( RH ) = มวลของไอน้ำที่มีอยู่จริง × 100 /มวลของไอน้ำในอากาศอิ่มตัวที่อุณหภูมิและปริมาตรเดียวกัน
ตัวอย่าง ที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส อากาศอิ่มตัวด้วยไอน้ำ 180 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ขณะนั้น มีไอน้ำอยู่จริงเพียง 135 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร ความชื้นสัมพัทธ์มีค่าเท่าไร
ความชื้นสัมพัทธ์ = 135 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร × 100 /180 กรัมต่อลูกบาศก์เมตร = 75 %
อุปกรณ์ที่ใช้วัดความชื้นของอากาศเรียกว่า ไฮโกรมิเตอร์
ปัจจุบันมีหลายรูปแบบ คั้งแต่ของจีนราคาถูก ถึงของแพงๆทั้งแบบเข็มและแบบดิจิตัล สมียก่อนมี 2 แบบ คือ hygrometer แบบเส้นผมและแบบกระเปาะเปียก – กระเปาะแห้ง
.....
1. ไฮโกรมิเตอร์แบบเส้นผม ใช้หลักการยึดหดตัวของเส้นผม (เส้นผมที่สะอาดปราศจากไขมัน) ถ้าค่าความชื้นสัมพัทธ์สูงเส้นผมจะยืดตัวออก เมื่อค่าความชื้นสัมพัทธ์ต่ำเส้นผมจะหดตัวสั้นลง
2. ไฮโกรมิเตอร์แบบกระเปาะเปียก – กระเปาะแห้ง หรือไซโครมิเตอร์ ( psychrometer) ประกอบด้วยเทอร์มอมิเตอร์ 2 อัน กระเปาะเทอร์มอมิเตอร์อันหนึ่งหุ้มด้วยผ้าชื้น จึงเรียกว่า กระเปาะเปียก ผลต่างระหว่างอุณหภูมิกระเปาะแห้งและกระเปาะเปียกจะสามารถนำมาคำนวนค่าความชื้นสัมพัทธ์ได้จากตาราง
(ดูคลิปข้างล่าง)
อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/438663(ดูคลิปข้างล่าง)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น